
การแขงวิ่ง มาราธอนในโอลิมปิก ที่เลวร้ายที่สุด
การวิ่งมาราธอนในกีฬาโอลิมปิกเป็นการแข่งขันที่น่าจับตามองและเป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในการแข่งขันที่ท้าทายที่สุดของนักกีฬาทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ในประวัติศาสตร์ของการจัดการแข่งขันโอลิมปิก มีเหตุการณ์หนึ่งที่ถูกจดจำในฐานะการวิ่งมาราธอนที่เลวร้ายที่สุด ซึ่งเกิดขึ้นในกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนปี 1904 ที่เมืองเซนต์หลุยส์ สหรัฐอเมริกา การแข่งขันมาราธอนในโอลิมปิกปี 1904 ถือเป็นความหายนะในหลายแง่มุม ทั้งเรื่องของสภาพอากาศ การจัดการการแข่งขัน และความพร้อมของนักกีฬา สภาพอากาศในวันนั้นมีอุณหภูมิสูงถึง 32 องศาเซลเซียส พร้อมกับความชื้นที่สูงมาก ทำให้เกิดความร้อนสะสมในร่างกายนักกีฬา อีกทั้ง เส้นทางวิ่งในวันนั้นยังเป็นถนนที่เต็มไปด้วยฝุ่นละออง และขรุขระ สภาพถนนดังกล่าวทำให้การวิ่งของนักกีฬาต้องเผชิญกับความยากลำบากมากขึ้น และฝุ่นละอองที่ฟุ้งขึ้นมาจากพื้นถนนยังทำให้นักกีฬาหลายคนเกิดปัญหาทางระบบทางเดินหายใจ หนึ่งในข้อผิดพลาดที่สำคัญของการจัดการแข่งขันครั้งนี้คือ การจัดการน้ำดื่ม ทางผู้จัดให้มีจุดบริการน้ำเพียง 2 แห่งบนเส้นทางวิ่งที่ยาวถึง 42.195 กิโลเมตร นี่ทำให้นักกีฬาหลายคนต้องเผชิญกับภาวะขาดน้ำ นอกจากนี้ การทดลองเกี่ยวกับการขาดน้ำยังถูกนำมาใช้ในครั้งนี้เพื่อดูผลกระทบต่อร่างกายนักกีฬา สิ่งนี้นำไปสู่ความเจ็บปวดและความอันตรายต่อนักกีฬาหลายคน นักกีฬาชั้นนำหลายคนต้องถอนตัวจากการแข่งขันเนื่องจากปัญหาสุขภาพและการขาดน้ำ มีนักวิ่งหลายคนที่เป็นลม หรือเจ็บป่วยอย่างหนักระหว่างการแข่งขัน นักวิ่งจากคิวบาชื่อ เฟลิกซ์ การ์วัล ยังถูกบังคับให้ต้องหยุดวิ่งหลังจากที่เขาหิวและกินแอปเปิลที่เก็บได้ระหว่างทาง ซึ่งพบว่าเป็นแอปเปิลเน่า เขาต้องหยุดวิ่งเพื่อพักฟื้นสักระยะก่อนที่จะกลับมาแข่งขันต่อ นอกจากนี้ นักวิ่งที่เป็นผู้ชนะการแข่งขันคือ โธมัส ฮิกส์ จากสหรัฐอเมริกา เขาได้รับการช่วยเหลือจากทีมโค้ชด้วยการให้ดื่มยาต้านพิษชนิดหนึ่งที่เป็นสารพิษในตัวเอง โดยโค้ชของเขาให้สารสตริกนิน (strychnine) ที่เป็นยากระตุ้นร่างกายและทำให้ฮิกส์สามารถวิ่งต่อไปได้จนจบการแข่งขัน ...